ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขในวันคริสต์มาส

อีกไม่กี่วัน ก็เข้าสู่เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองกันอีกครั้ง ซึ่งเทศกาลแรกที่มองข้ามไปไม่ได้เลยนั่นคือเทศกาลของ วันคริสต์มาส ช่วงคริสต์มาส คือ ช่วงแห่งการเฉลิมฉลอง ความแปลกใหม่ และสดใสของสีแดง สีเขียว สีทอง รวมทั้งสัญลักษณ์ของความสุขจากสีสันของขนมหวานต่างๆ ถูกนำมาร้อยเรียงผ่านการเฉลิมฉลองของคนทุกชนชาติ เพื่อแสดงออกถึงความสุข และการให้ มาตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา

เทศกาลคริสต์มาส จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู มักจัดในวันที่ 25 ธันวาคมและในวันนี้ถือให้เป็นวันหยุดทางศาสนาในซีกโลกตะวันตกอีกด้วย และวัฒนธรรมการเฉลิมฉลองโดยประชากรหลายพันล้านคนทั่วโลกนั้นจะมีประเพณีการเฉลิมฉลองอันเป็นที่นิยมที่เหมือนกัน ในหลายประเทศมีการผสมผสานแนวคิดและกำเนิดก่อนคริสเตียน ซึ่งคริสเตียนและฆราวาสในปัจจุบันจะความนิยมจัดกิจกรรมในวันดังกล่าว มีการให้ของขวัญ มีการร้องเพลงคริสต์มาสและเพลงเทศกาลต่างๆ มีการแลกเปลี่ยนการ์ดคริสต์มาส การตกแต่งโบสถ์ และเฉลิมฉลองด้วยอาหารมื้อพิเศษ รวมทั้งการจัดแสดงการประดับตกแต่งหลายอย่าง ทั้งต้นคริสต์มาส แสงไฟ ฉากการประสูติของพระเยซู มาลัย มิสเซิลโทและฮอลลี นอกเหนือจากนั้น บุคคลที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดและแทนกันได้บ่อยครั้งหลายคน เช่น ซานตาคลอส ฟาเธอร์คริสต์มาส นักบุญนิโคลัส และคริสต์คินด์ เกี่ยวข้องกับการให้ของขวัญแก่เด็กในเทศกาลคริสต์มาส และต่างมีประเพณีและตำนานเป็นของตนเองเพราะการให้ของขวัญและอีกหลายส่วนของเทศกาลคริสต์มาสเกี่ยวข้อง

     

นอกจากการประดับตกแต่งสถานที่เข้ากับเทศกาลแล้ว การแต่งกาย รวมทั้งการเลือกเครื่องประดับสำหรับสาวๆ และหนุ่มๆ ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสก็สำคัญเช่นกัน การเลือกเครื่องประดับที่มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นชิ้นที่ใหญ่เกินไป หรือมากชิ้นจนเกินไป อาจจะทำให้คุณดูเป็นต้นคริสต์มาส หรือซานต้าเคลื่อนที่ มากกว่า การเลือกจะแต่งกายให้เข้ากับเทศกาลที่ดูสดชื่นและสดใส

สำหรับสาวๆ ที่ชอบเครื่องประดับ ดีไซน์เนอร์ของหลากหลายแบรนด์ดังก็ได้เติมแต่งผลงาน และความคิดสร้างสรรค์สำหรับเทศกาลคริสต์มาสออกมาในรูปแบบของเครื่องประดับหลากหลายรูปแบบ แต่อย่างไรก็ตามความนัยที่ซ่อนอยู่ภายในการออกแบบนั้น ก็มีความหมายที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

   

ความหมายของสีต่างๆ ในช่วงคริสต์มาส

สีแดง : มาจากสีของผลฮอลลี่ หรือซานตาครอส เชื่อกันว่าเป็นสีของเดือนธันวาคม ที่แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้น สดใส และหากตีความหมายตามหลักศาสนาแล้ว สีแดงยังหมายถึง ไฟ เลือด และ ความโอบอ้อมอารีแก่เพื่อนมนุษย์ อีกด้วย

สีเขียว : สัญลักษณ์ของธรรมชาติ สื่อถึงความเยาว์วัย ความหวัง และการมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ เชื่อมโยงกับเทศกาลคริสต์มาสว่าเป็นเทศกาลแห่งความหวัง

สีขาว และ สีเงิน : สีของหิมะ หมายถึงแสงสว่าง ความบริสุทธ์ ความสุข และความรุ่งเรือง เราจึงมักเห็นสีขาวบนเสื้อคลุมของเหล่านางฟ้า หรือปีกของนางฟ้า

สีทอง : เป็นอีกสีหนึ่งที่นิยมมาใช้ในเทศกาลนี้ สื่อถึงความสว่างไสว ความสุข เหมือนแสงของดวงอาทิตย์ และดวงดาว

จากความหมายข้างต้น สีสันต่างๆ จึงถูกหยิบยกมาเป็นแรงบันดาลใจให้ดีไซเนอร์ได้ออกแบบเครื่องประดับที่มีความสวยงาม และมีสีสันที่สดใส และมีรูปแบบที่หลากหลายน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในทุกวันนี้ ผู้ที่สวมใส่เครื่องประดับมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีรูปแบบความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นเครื่องประดับที่ใส่เฉพาะเทศกาลเท่านั้นก็ตาม นักออกแบบจึงต้องมีการพัฒนารวมทั้งต่อยอดความคิด และผลงานที่เป็นเอกลักษณ์มากขึ้น เพื่อดึงดูดใจกลุ่มผู้รักแฟชั่นในแบบต่างๆ อยู่ตลอดเวลา

     

โอกาสดีสำหรับผู้ที่สนใจและต้องการอัพเดทเทรนด์การออกแบบ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้เปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมการสัมมนาในหัวข้อ “ทิศทางเครื่องประดับไทย บุกตลาดอาเซียน” ขึ้นเพื่อแนะนำเทรนด์เครื่องประดับที่น่าสนใจ ทั้งในประเทศไทย และกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในวันที่ 24 มกราคม 2557 ตั้งแต่เวลา 13.00 - 16.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 3 สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ตึกไอทีเอฟ ทาวเวอร์ สีลม สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์ฝึกอบรม 0 2634 4999 ต่อ 301 - 313 หรือดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.git.or.th