อัพเดทเรื่องราวและเครื่องประดับในดินแดนมังกร

เปิดศักราชใหม่ด้วยการพาทุกท่านไปอัพเดทแฟชั่นอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศจีน ดินแดนมังกร ดินแดนที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในปัจจุบัน

สำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศจีนนั้น คุณทราบหรือไม่ว่า ประเทศจีนที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลนั้น นั้นมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่น่าสนใจ ทั้งแหล่งแร่อัญมณีและโลหะมีค่า โดยเฉพาะแหล่งแร่ทองคำ ซึ่งถือได้ว่าในประเทศจีนนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก และมีการผลิตทองคำกระจายอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 500 เขต ซึ่งหากจัดอันดับการผลิตทองคำที่เป็นอุตสาหกรรมหลักแล้ว มี 5 มณฑลที่สามารถผลิตทองคำได้มากที่สุด ไล่เรียงลำดับดังนี้ ซานตง เหอนาน เจียงซี ฝูเจี้ยน และยูนนาน ซึ่งสามารถผลิตทองคำได้มาถึงร้อยละ 60 ของปริมาณการผลิตรวมของประเทศทีเดียว

นอกจากนี้ด้านรัตนชาติ ในประเทศจีนก็มีแหล่งแร่รัตนชาติจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น เพชร ทับทิม แซปไฟร์ มรกต ทัวร์-มาลีน อะความารีน อีกด้วย ซ้ำยังมีแหล่งเพาะเลี้ยงมุกน้ำจืดที่สามารถผลิตได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย

ในอดีตชาวจีนนั้นนิยมใช้เครื่องประดับเงินมากกว่าเครื่องประดับทองคำ ซึ่งเครื่องประดับเหล่านั้นจะมีการตกแต่งด้วยอัญมณีที่ผู้สวมใส่ชื่นชอบ โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นอัญมณีที่มีสีน้ำเงิน เป็นต้น แต่ภายหลังที่มีการออกแบบที่สวยงามมากขึ้น ประกอบกับเรื่องของคุณภาพการผลิต และราคา จึงทำให้ตลาดเครื่องประดับเงินก็ยังเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง แต่หลังจากปี 2553 ตลาดของเครื่องประดับโลหะมีค่าชนิดๆ อื่นๆ รวมทั้งทองคำ ก็ได้มีการขยายมากยิ่งขึ้น และส่งผลให้ทองคำเป็นที่นิยมในประเทศจีนต่อมา

       

อย่างไรก็ดี ไข่มุก และหยก ซึ่งนับได้ว่าเป็นอัญมณีที่ชาวจีนนิยมใช้มาเป็นเวลานาน ทั้งนี้เนื่องจาก ชาวจีนมองว่าอัญมณีทั้งสองนี้ เหมือนกับมนุษย์ นั่นคือ อดทน แข็งแกร่ง และสวยงาม โดยพื้นฐานทั่วไปของผู้บริโภคชาวจีนนั้น ชื่นชอบเครื่องประดับที่สวงาม แต่เรียบง่าย รวมทั้งมีเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อ โชคลาง และเรื่องราวของความเป็นสิริมงคล

แม้ว่าขณะนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่ราคาของอัญมณีก็ยังมีการเพิ่มสูงขึ้น และจีนยังคงเป็นผู้ซื้อพลอยสีคุณภาพสูงรายใหญ่ ด้วยชนชั้นกลางกลุ่มใหญ่ และเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัว จีนจึงยังคงเป็นตลาดที่ทำกำไรให้ธุรกิจอัญมณีระดับสูง

แม้ว่าจะเป็นแหล่งแร่รัตนชาติแห่งหนึ่งของโลก แต่จีนก็ยังต้องการอัญมณีคุณภาพสูงจากทั่วโลก อย่างเช่นทับทิม และแซปไฟร์ที่หลากหลายในแทบทุกขนาดและรูปทรง ทั้งอัญมณีที่มีขนาดเล็กเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.7-3.5 มิลลิเมตร รวมถึงอัญมณีขนาดมาตรฐาน 3 x 4 มิลลิเมตร และ 6 x 8 มิลลิเมตร และยังมีความต้องการอัญ-มณีขนาดเล็กคุณภาพสูง เช่น ไพลิน และทับทิม ขนาดหนึ่งถึงสองกะรัตก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดจีนกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปักกิ้งและเซี่ยงไฮ้

ในขณะเดียวกัน ความต้องการที่สูงขึ้นในกลุ่มทับทิมและแซปไฟร์ขนาดเล็ก ส่วนใหญ่เป็นก็จะถูกนำมาใช้เป็นส่วนเสริมหรือตกแต่งเพื่อเพิ่มสีสัน และพื้นผิว และรูปทรงให้แก่เครื่องประดับมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้รูปแบบการออกแบบงานในอดีตของนักออกแบบในจีนมีจำกัดอยู่เพียงไม่กี่แบบ ที่พบได้มากที่สุด คือเครื่องประดับที่มีอัญมณีหลักตรงกลางและตกแต่งด้วยเพชร ปัจจุบันนักออกแบบใช้พลอยสีหลากชนิดกัน เพื่อสร้างสรรค์เครื่องประดับให้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และได้ชิ้นงานที่หรูหราด้วยการใช้อัญมณีฝังแบบจิกไข่ปลา โดยใช้พลอยที่มีโทนสีเดียวกันแต่มีระดับความเข้มแตกต่างกันไป

สำหรับเครื่องประดับที่ตกแต่งด้วยหยก ทับทิม และแซปไฟร์ก็ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหยกเนไฟรต์สีขาว หรือสีดำจากเมืองซิงไห่ของจีน และเครื่องประดับหยกเนไฟรต์จากรัสเซียตกแต่งด้วยทับทิมและแซปไฟร์ก็เป็นสินค้าขายดี ด้วยผลจากการใช้สีสันที่ตัดกันอย่างโดดเด่น ตลอดจนงานออกแบบที่แปลกใหม่

       

นอกจากนี้ ความต้องการมรกต ก็ยังมีเพิ่มสูงขึ้น ด้วยเหตุผลที่สีเขียวเป็นที่นิยมในหมู่ชาวจีนมานาน โดยทั่วไปมรกตเป็นอัญมณีหายาก และส่วนใหญ่ก็มีมลทินตามธรรมชาติด้วย ซึ่งในตลาดจีนนิยมอัญมณีซึ่งใสกระจ่างปราศจากตำหนิ ซึ่งการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการมรกต และการตรวจสอบอัญมณีจึงเป็นสิ่งสำคัญ

สำหรับทัวร์มาลีนและแทนซาไนซ์ ซึ่งถือได้ว่า เป็นดาวเด่นในตลาดจีน ก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และนอกจากนี้สำหรับแซปไฟร์อย่าง “แพดพาแรดชา” นั้นหากได้รับการทำตลาดอย่างเหมาะสมก็มีศักยภาพที่จะเป็นอัญมณีขายดีเป็นอันดับต้นๆ ในตลาดจีน และสำหรับอัญมณีอย่าง แซปไฟร์สาแหรก (Star Sapphires) และ แก้วตาแมว (Cat’s Eye) ก็มีศักยภาพที่จะเป็นสินค้าขายดีเช่นกัน เนื่องจากอัญมณีลึกลับหายากเหล่านี้จะช่วยให้โชคดีและมีสุขภาพดีอีกด้วย